เว็บแทงหวย เชิญชวนรู้แนวคิดความน่าจะเป็น ก่อนจะซื้อ “หวยรัฐบาล” มาเช็คสิว่า “เลขเด็ด” ที่คุณเลือกได้ช่อง “ถูกเบอร์” เท่าใด? พร้อมส่องผลของการสำรวจการกระทำการเล่นพนันของคนประเทศไทยที่พบว่าผู้หญิงเล่นพนันมากกว่าผู้ชายถึง 6 เท่า
ผู้คนจำนวนไม่ใช้น้อยน่าจะเห็นตรงกันว่าในเวลานี้คนไทยเล่น “ล็อตเตอรี่” กันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการซื้อล็อตเตอรี่หรือ “ล็อตเตอรี่” ทุกๆวันที่ 1 แล้วก็ 16 ของแต่ละเดือน รวมทั้งการเล่นลอตเตอรี่ ซึ่งบรรดาคนถูกอกถูกใจเสี่ยงดวงทั้งหลายก็พยายามตามหา “เลขเด็ด” ด้วยหวังว่าจะถูกเบอร์และร่ำรวยทางลัดง่ายยิ่งกว่าเดิม
แต่รู้หรือไม่? การได้เลขเด็ดหรือเลขที่ถูกอกถูกใจมาซื้อ “สลากกินแบ่ง” อาจไม่ได้มาจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างที่คุณคิด ด้วยเหตุว่ามีผลตรวจออกมาแล้วว่า โดยมากการซื้อหวยแล้วถูกรางวัล มาจากโชคและความบังเอิญของแต่ละคนมากกว่า
ผลโพลชี้ 70% เฉพาะเจาะจง ‘ถูกเบอร์รัฐบาล‘ เกิดเหตุโชค และ ‘เลขเด็ด‘ ก็ไม่เกี่ยวสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ก่อนจะรวยงวดนี้ ตรวจ ‘หวย‘ วิถีทางไหน? สบายรวมทั้งง่ายมาก ล็อตเตอรี่ VS สลากออมทรัพย์ ลุ้นเหมือนกัน แม้ว่าจังหวะ ‘มั่งมี‘ ไม่เหมือนกัน! ก่อนจะรวยงวดนี้ ตรวจ ‘ล็อตเตอรี่‘ แนวทางไหน? สบายรวมทั้งง่ายสุดๆ
นอกเหนือจากที่จะเกิดเหตุโชคส่วนตัวแล้ว การที่ใครบางคนจะได้ช่อง “ถูกเบอร์” มันมีเรื่องของ “แนวคิดความน่าจะเป็น” เข้ามาเกี่ยวเนื่องด้วย
“ถูกเบอร์” มีความเป็นไปได้น้อยกว่า “เสียสลากกินแบ่ง”
มีข้อมูลจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์อำนาจ วังจีน นักวิชาการด้านคณิตประยุกต์ สำนักวิชาเรียนธรรมดา มหาวิทยาลัยศรีปทุม ได้เคยให้ข้อมูลในบทความวิชาการไว้ว่า คนไทยที่ถูกอกถูกใจเสี่ยงดวงด้วยการซื้อ สลากกินแบ่ง มักซื้อโดยไม่มีหลักวิชาการเรื่อง “แนวคิดความน่าจะเป็น” ทำให้เสียเงินมากกว่าถูกรางวัล
การตัดสินใจซื้อ “หวย” แต่ละครั้ง นักเสี่ยงดวงถูกใจดูที่ผลตอบแทนมากกว่าหนทางที่เสียเงิน ได้แก่ บางคนประทับใจเสียเงินซื้อเลขท้าย 3 ตัว บ่อยๆด้วยมีความรู้สึกว่าได้ผลตอบแทนสูงขึ้นยิ่งกว่าซื้อเลขท้าย 2 ตัว ซึ่งที่จริงแล้วการเสี่ยงของการซื้อเลขท้าย 3 ตัว มีการเสี่ยงสูงที่จะไม่ถูกรางวัล (เล่นล็อตเตอรี่ 2 ตัว การเสี่ยงน้อยกว่า 3 ตัวเยอะมาก)
นักเลขอธิบายอีกว่า หลักแนวความคิดความน่าจะเป็นเป็นหนทางเกิดขึ้นของเรื่องราวใดสถานะการณ์หนึ่ง มีค่าอยู่ระหว่าง 0-1 ถ้าใกล้ 0 เป็นจังหวะเกิดน้อย แม้ว่าหากว่าค่าใกล้ 1 เป็นไปได้ช่องทางเกิดสูง การเล่นล็อตเตอรี่แต่ละครั้งผลออกมาแค่เพียง “ถูก” กับ “ผิด” เมื่อคิดตามหลักทฤษฎีความน่าจะเป็นไปได้เป็น
ผลตอบแทนประสงค์ = ผลจากการบวกของ (จำนวนเงินที่จะได้รับ x จังหวะถูก) – (จำนวนเงินที่จะเสีย x วิถีทางผิด) ปรารถนา “ถูกเบอร์” รางวัลที่ 1 ได้ช่องมากมายก่ายกองแค่สักแค่ไหน?
ผู้ช่วยศาสตราจารย์อำนาจ วังจีน ระบุอีกว่า แม้นำขั้นตอนการของทดาบสความน่าจะเป็นไปได้ มาคำนวณทำให้รู้ผลว่าจังหวะที่ใครบางคนจะถูกเบอร์รางวัลที่ 1 จากการซื้อล็อตเตอรี่นั้น สบโอกาสน้อยมาก คิดเป็น 1 ในล้าน!
อีกทั้งมีผลการวิเคราะห์พบว่า สลากกินแบ่งมีค่าประสงค์ต่อการเล่นต่ำเยอะมาก ครั้งใดก็ตามซื้อสลากฯ สบโอกาสถูกรางวัลทุกจำพวกรวมกัน ไม่ว่าจะเป็นรางวัลที่ 1, 2, 3 หรือเลขท้าย 2-3 ตัวแค่เพียง 0.014 หรือร้อยละ 1.4 เท่านั้น นอกจากหากเปรียบเทียบจาก “ผลตอบแทนความมุ่งมาด” ซึ่งหมายถึงถ้าเกิดเล่นล็อตเตอรี่ไปบ่อยจะเสียเงินเสียทองสะสมมากขึ้นๆด้วยเหมือนกัน
คนประเทศไทยโดยมากมีความเชื่อผิดๆว่า ซื้อเลขเด็ดตัวไหน แม้ไม่ถูกก็ให้เรียกตัวนั้นประจำ แล้วจะได้ช่องถูกมากกว่าสลับตัวเลขไปเรื่อยๆซึ่งเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกต้อง เนื่องจากเช่นเดียวกันกับการจับลูกปิงปองแบบสุ่มแล้วใส่คืนลงไปในกล่อง เมื่อจับใหม่ จังหวะได้ลูกเดิมก็เลยไม่มีความต่างจากลูกอื่นๆไม่ว่าจะถือจำนวนกี่ครั้งก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ก็เลยสรุปได้ว่า หวย ทุกหมวดหมู่จะมีค่าเป็น “ลบ” มีความหมายว่า เจ้ามือหวยหรือกองสลากฯ จะเป็นข้างดีมากยิ่งกว่าเสมอ
คนซื้อ “หวยรัฐบาล” สบโอกาส “มั่งมี” เท่าไร?
นอกเหนือจากนี้ยังมีข้อมูลจาก ศูนย์เรียนปัญหาการพนัน ที่แจกแจงไปในทิศทางเดียวกันว่าการซื้อ “สลากกินแบ่ง” มักจะทำให้ผู้บริโภคเสียเงินเสียทองมากกว่าถูกรางวัล โดยพูดว่า หวยรัฐบาลมีเลข 6 หลัก ทุกๆชุดจะมีตัวเลขไม่ซ้ำกัน 1,000,000 ปริมาณ จำนวนรางวัลที่ได้ช่องถูกรวมทั้งสิ้นมี 14,168 รางวัล แปลว่าการซื้อล็อตเตอรี่แต่ละครั้งได้ช่องถูกรางวัลเพียงแต่ 1.4168 % เท่านั้น แม้กระนั้นได้ช่องเสียเงินเสียทองสูงถึง 98.5832%
ค่าความคาดหมายที่จะ “มั่งมี” มีแนวทางคำนวณดังนี้ ยกตัวอย่างเช่น เลขท้ายสองตัว 00 – 99 = 100 ปริมาณ
วิถีทางถูก (เลขเดียว) = 1 ใน 100 หรือ 0.01
จังหวะไม่ถูกรางวัล = 99 ใน 100 หรือ 0.99
ค่าความคาดหมาย = จังหวะที่จะถูกหรือไม่ถูก X บทสรุปสุดท้าย เป็นไปได้เงินหรือเสียเงินเยอะแค่ไหน
ค่าความมุ่งมาดกรณีถูกรางวัล เป็นไปได้เงิน 1,000 บาท = 0.01 x 1,000
ค่าความมุ่งหวังกรณีไม่ถูกรางวัล (คำนวณตามราคาหน้าสลาก) เป็นเสียเงินเสียทอง 40 บาท = 0.99 x –40 (ปริมาณนี้สมมุติว่าคุณซื้อสลากกินแบ่งได้ในราคาคู่ละ 80 บาท ตามราคาสลากแท้จริงจริง)
ผลจากการบวกของความหวังที่จะถูกรางวัลเลขท้ายสองตัวเป็น (0.01 x 1,000) + (0.99 x –40) = -29.6 บาท แสดงว่าค่ากลางสำหรับการที่คุณจะเสียเงินเสมอจากการซื้อล็อตเตอรี่เป็น -29.60 หรือพูดง่ายๆว่าโดยเฉลี่ยเมื่อใดก็ตามคุณซื้อล็อตเตอรี่คุณจะเสียเงินแน่ๆ29.60 บาท (เป็นค่ากลางจากการซื้อหวยหลายๆครั้ง)
คนประเทศไทยติดสลากกินแบ่ง ซื้อสลากกินแบ่งฯ เพิ่มมากขึ้นจริงหรือ?
เห็นขั้นตอนการคำนวณข้างต้นแล้ว คงจะเห็นแล้วการซื้อหวยรัฐบาลนั้นสบโอกาสเสียเงินเสียทองมากกว่าได้เงินจริงๆแต่ว่าก็ยังไม่วายมีคนประเทศไทยอีกเพียบเลยที่ยังคงนิยมซื้อสลากกินแบ่งทุกงวด รวมทั้งมีคนเล่นสลากกินแบ่งเพิ่มมากขึ้นประเด็นนี้ยืนยันได้จาก ผลที่เกิดจากการสำรวจ “เหตุ ความประพฤติ แล้วหลังจากนั้นก็ผลพวงการพนันในประเทศไทย ทุกปี 2560” ของ ศูนย์ศึกษาปัญหาเรื่องของการพนัน ที่เผยแพร่ในปี 2561 ที่บอกว่า
ราษฎรไทยจำนวน 66 ล้านคน อายุ 15 ปีขึ้นไป มี 52 ล้านคน ในจำนวนนี้คาดว่ามีคนไทยเล่นการพนัน 28.93 ล้านคน มีจำนวนมากขึ้นจากการสำรวจเมื่อปี 2558 ราว 1.54 ล้านคน กระจายตัวอยู่ตามภูมิภาคต่างๆโดยเฉพาะภาคอีสาน พบว่าเล่นการพนันเยอะที่สุด 10.51 ล้านคน รองลงมาเป็นภาคกลาง 5.34 ล้านคน, ภาคเหนือ 4.99 ล้านคน, จ.กรุงเทพฯ แล้วก็ละแวกใกล้เคียง 4.20 ล้านคน แล้วก็ภาคใต้ 3.89 ล้านคน
ทั้งพบว่า นักพนันจำนวน 28.93 ล้านคนนั้น ถึงแม้จัดประเภทตามเพศ แบ่งเป็นนักพนันหญิง 14.61 ล้านคน เปรียบเทียบกับผลจากการสำรวจปี 2558 เยอะขึ้นเรื่อยๆ 1.31 ล้านคน (9.8%) ส่วนนักพนันชายมี 14.32 ล้านคน มากขึ้นเรื่อยๆ 2.29 แสนคน (1.6%) สรุปในปี 2560
นักพนันหญิงมีอัตราการเพิ่มสูงกว่านักพนันเพศชายแทบจะ 6 เท่า แบ่งเป็นนักพนันหน้าเก่าที่เคยเล่นการพนันมาก่อน มีจำนวน 28.30 ล้านคน รวมทั้งเป็นนักเสี่ยงโชคคนใหม่ที่ไม่เคยเล่นการพนันมาก่อน แม้กระนั้นพึ่งจะมาเริ่มเล่นการพนันในปี 60 มี 6.28 แสนคน ในจำนวนนี้แบ่งเป็นนักพนันหญิง 3.74 แสนคน นักพนันชาย 2.54 แสนคน
ช่วงท้าย ไม่ว่าคุณเลือกที่จะเล่นหวยรัฐบาลหรือไม่เล่น ก็เป็นสิทธิและก็ความเชื่อถือส่วนตัว สรุปว่าข้อมูลนี้คงจะช่วยทำให้คนที่อยากได้เริ่มเล่นล็อตเตอรี่ได้หยุดคิดไตร่ตรองบางส่วน ก่อนจะโจนลงสนามที่การเสี่ยงโชค ว่ามันคุ้มทุนใช่หรือไม่ใช่